Zero Incidents
ทีนี้เราก็มาต่อกันด้วยเรื่องที่ว่า ก็เมื่อรู้แล้วว่าอะไรเป็นปัจจัย และอะไรเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ คำถามที่มักจะได้ยินก็คงไม่พ้น “แล้วจะจัดการอย่างไร” ทีนี้ก็จะเริ่มมีผู้รู้ออกมาให้ความคิดเห็น “ง่ายนิดเดียว ก็ตั้งสติก่อนสตาร์ท” ได้ผลที่เดียวครับ อุบัติเหตุถึงได้เพิ่มขึ้นไม่ยอมลดลงอย่างทุกวันนี้ ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้ต้องการที่จะต่อว่าใคร แต่มันเป็นวิถีทางแบบไทยคือนึกอะไรไม่ออกก็อิงธรรมะไว้ก่อน แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าไอ้ตั้งสติก่อนสตาร์ทจะทำอย่างไร “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม ขับไม่ซิ่ง” คำตอบเหล่านี้ก็จะเริ่มพลั่งพลูออกมา อันนี้ก็จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนที่สั่งสมมาทั้งทางตรง และทางอ้อม
เอาเป็นว่าเรามาพูดถึงการแก้ปัญหาที่แท้จริงกันดีกว่าครับ โดยเริ่มจากปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือ “คน หรือ Man” กันก่อนเลย จากสถิติที่ได้พูดถึงในตอนที่แล้วพบว่า คน เป็นปัจจัยที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุถึง 95% ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Incident ขึ้น “คน” จะต้องได้รับการพัฒนา 4 ด้านด้วยกันคือ
1. K – Knowledge กล่าวคือ จะต้องได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและเพียงพอ
2. U – Understanding กล่าวคือ จะต้องมีความเข้าใจถึงเหตุและผลอย่างแท้จริง
3. S – Skill กล่าวคือ จะต้องมีทักษะหรือความชำนาญ
4. A – Attitude กล่าวคือ จะต้องมีทัศนะคติที่ดี
โดยผ่านกระบวนการจัดการ ( Management ) ที่ถูกต้องและเหมาะสม
ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย หรือแม้แต่ประเทศญี่ปุ่น จะให้
ความสำคัญกับการให้ความรู้ หรือกระบวนการเรียนรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทาง
อย่างในประเทศญี่ปุ่นได้จัดให้มีหลักสูตรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนในโรงเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาล ไปจนถึงมหาลัย ในอเมริกา หรืออังกฤษเอง ผู้ที่จะทำใบขับขี่ต้องผ่านการเรียนรู้ในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการขับรถอย่างปลอดภัย อีกทั้งยังต้องมีผู้ควบคุมในการฝึกหัดขับในช่วงแรกก่อนที่จะได้รับใบอนุญาต โดยอาจเป็นผู้ปกครองที่มีใบอนุญาตขับรถ หรือครูฝึกหัดขับรถตามสถาบันต่างๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด โดยการเรียนและฝึกการขับรถอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 1 ปีเลยทีเดียว
สำหรับในบ้านเราก็มีหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมากมาย แต่มักออกไปในแนวทางต่างคนต่างทำ เนื้อหาวิชาก็จะขึ้นอยู่กับความถนัด และเป้าหมายทางการตลาดของแต่ละองค์กร หนำซ้ำยังมีการลักลั่น หรือการเรียนการสอนแบบข้ามขั้นตอน ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นการเสริมแรงให้เกิดอุบัติเหตุอีกด้วย
เพื่อให้องค์กรต่างๆ หรือผู้สนใจสามารถวางแนวทางในการจัดการฝึกอบรมการขับรถอย่างปลอดภัย และการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าว จะได้แนะนำความรู้พื้นฐานที่จำเป็น Knowledge Base ในตอนต่อไป